วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560


✨การเพิ่มผลผลิต✨
1) ความหมายของการเพิ่มผลผลิต🌟🌟
    การเพิ่มผลผลิตมี 2 แนวความคิด คือ แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ และแนวคิดทางเศรษฐกิจสังคม
             1.1 แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ 💦
          ตามแนวคิดนี้ ความหมายโดยสรุปคิด “การเพิ่มผลผลิตเป็นสิ่งที่วัดค่าได้ และมองเห็นเป็นรูปธรรม”นั่นคือ ตามแนวความคิดนี้ การเพิ่มผลผลิตสามารถวัดค่าได้ทั้งทางกายภาพ คือวัดเป็นจำนวนชิ้นน้ำหนัก ความยาว ฯลฯ และอีกทางคือ การวัดเป็นมูลค่า ซึ่งวัดในรูปที่แปลงเป็นตัวเงิน สามารถทำให้หน่วยงานหรือองค์กรมองเห็นเป็นรูปธรรมได้ชัดเจนว่าการประกอบธุรกิจนั้นๆมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลหรือไม่

              แนวทางการเพิ่มผลผลิตทั้ง 5 แนวทางที่กล่าวมาจะไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่า แนวทางใดจะเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจอย่างไรได้ทั้งหมดเพราะต้องพิจารณาทั้งผลิตผลและปัจจัยการผลิตร่วมเพื่อแนวทางที่เหมาะสมกับองค์กรหรือหน่วยงานนั้นๆแต่โดยหลักการพื้นฐานแล้วสามารถพิจารณาได้ ดังนี้
              แนวทางการเพิ่มผลผลิต💫   
                
          -หากต้องเพิ่มผลผลิตหรือ Output สูงนั้น เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจที่ตลาดขยายตัว ผู้บริโภคกำลังซื้อสูงสินค้ากำลังเป็นที่ต้องการของตลาด
          -หากลดผลิตผลลง หรือ Output ลดลง เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซบเซา ตลาดหดตัวสินค้าไม่เป็นที่ต้องการของตลาดขณะนั้น

          จากแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ข้างต้น ความหมายของการเพิ่มผลผลิตมิได้หมายถึงการเพิ่มปริมาณการสภาวะหนึ่งที่ต้องทำให้อัตราเพิ่มผลผลิตสูงตลอดเวลาซึ่งทำได้โดยสำรวจสภาวะเศรษฐกิจขณะนั้น รวมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดที่มีต่อสินค้าหรือบริการแล้วเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่งเพื่อการเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น

         1.2 แนวทางเศรษฐกิจสังคม💦
    การเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจสังคมนั้น เป็นแนวคิดที่เชื่อมั่นในความก้าวหน้าของมนุษย์ที่จะหาหนทางปรับปรุงและสร้างสรรค์ให้สิ่งต่างๆดีขึ้นเสมอโดยการทำสิ่งต่างๆให้ถูกต้องตั้งแต่แรกและใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
         สรุป การเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดทางเศรษฐกิจสังคม หมายถึง “การสร้างทัศนคติแห่งจิตใจ ที่จะแสวงหาทางปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด”จะเห็นว่า ความหมายของการเพิ่มผลผลิต ทั้งแนวคิดทางวิทยาศาสตร์และแนวคิดทางเศรษฐกิจสังคมนั้นมีหลายแนวคิด และกิจกรรมหลากหลาย จึงต้องช่วยกันเร่งรัดผลักดัน ปรับปรุงการเพิ่มในทุกระดับเพื่อความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของชาติสืบไป

       ดังนั้น การเพิ่มผลผลิตจึงเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับคนทุกอาชีพ ทุกระดับที่ต้องร่วมกันเร่งรัดปรับปรุงการเพิ่มผลผลิต เพื่อยกระดับมาตรฐานการครองชีพ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อันจะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจโดยรวมของชาติการเพิ่มผลผลิตเป็นเครื่องชี้วัดความเจริญก้าวหน้าทาเศรษฐกิจสังคม การเพิ่มผลผลิตระดับชาติแสดงถึงความสามารถระดับชาติในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติมั่นคงก้าวหน้าต่อไป ด้วยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

2) ประเภทของการเพิ่มผลผลิต🌟🌟


ศึกษากระบวนการทำงานที่เป็นระบบเพื่อพัฒนาปรับปรุงการทำงานในประสิทธิภาพ

    ปัจจุบันเครื่องมือและเทคนิคการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตมีหลากหลาย ซึ่งล้วนแต่เป็นรูปแบบผสมผสานกันทั้งแบบของญี่ปุ่นและแบบตะวันตกเพราะหลักในการเพิ่มผลผลิตก็คือการขจัดความสูญเสียต่างๆที่เกิดขึ้นและสร้างทัศนคติที่ดีให้แก่พนักงานในการปรับปรุงสิ่งต่างๆ

3ปัจจัยแห่งความสำเร็จในการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิต💥💦
   ความสำเร็จในการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตของหน่วยงานหรือองค์กรมีปัจจัย ดังนี้คือ
1.บทบาทของผู้บริหารระดับสูงในองค์กรต้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนในการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตอย่างจริงจังและจริงใจ ให้การสนับสนุนในทุกๆด้าน ทั้งด้านงบประมาณ การสร้างขวัญและกำลังใจให้กับพนักงาน มีส่วนร่วมในกิจกรรมเพิ่มผลผลิตในทุกๆรูปแบบ
2.องค์กรต้องจัดตั้งทีมดำเนินงานรับผิดชอบในการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตเพื่อให้การปรับปรุงดำเนินโครงการเป็นไปอย่างต่อเนื่องระยะยาว แบ่งหน้าที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน
3.ต้องประกาศเป็นนโยบายขององค์กรเพื่อให้พนักงานทุกคนรับทราบและต้องนับถือเป็นข้อตกลงร่วมกัน มีส่วนช่วยเหลือซึ่งกัน และกัน ในเรื่องของการปรับปรุงการทำงานเพื่อเพิ่มผลผลิต
4.เปิดโอกาสให้พนักงานได้เรียนรู้ พัฒนาความรู้ความสามารถและทักษะต่างๆที่จำเป็นในการทำงานจัดให้มีกิจกรรมการเพิ่มผลผลิตต่างๆเช่น กิจกรรม 5ส กิจกรรมกลุ่มคุณภาพ กิจกรรมข้อเสนอแนะ 
5.สร้างบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีในองค์กรเพื่อกระตุ้นให้พนักงานเกิดทัศนคติที่ดีต่อการทำงานมีความพยายามตระหนักถึงความจำเป็น
6.องค์กรต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงานและฝ่ายบริหารเพราะจะทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันในการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิต
7.ต้องมีการแบ่งปันผลปะโยชน์ซึ่งเกิดจากการเพิ่มผลผลิตให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมเพราะจะให้เกิดความร่วมมือกับทุกๆฝ่ายในการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตในระยะยาว


💘ขอขอบคุณ💖
             https://sites.google.com/site/karpenphuprakxbkarlpe/hnwy-thi

😎สืบค้นเมื่อวันที่😎
29 พฤศจิกายน 2560


วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560





การบริหารงานคุณภาพในองค์กร


ความหมายและขอบข่ายของการบริหารงานคุณภาพในองค์กร

ความหมายของการบริหารงานคุณภาพในองค์กร คือ กระบวนการบริหารงานที่ประกอบด้วย นโยบายคุณภาพ วัตถุประสงค์ คุณภาพ การวาแผนงานคุณภาพ ระบบการบริหารจัดการเชิงคุณภาพ ระบบการ  ตรวจสอบหรือการประเมินผล และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ของพนักงานและของสังคม


หลักการบริหารงานคุณภาพในองค์กร



หลักการพื้นฐานของการบริหารงานคุณภาพในองค์กร ประกอบด้วย
1. มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า คือการมุ่งเน้นที่ลูกค้า โดย
1.1 สำรวจตรวจสอบและทดสอบความต้องการของลูกค้า ตั้งแต่ความคาดหวังที่
ลูกค้าต้องการจากองค์กร ผลิตภัณฑ์ หรือบริการ จนถึงความพึงพอใจเมื่อลูกค้าได้รับสินค้า
หรือบริการแล้ว
1.2 ตรวจาสอบความต้องการของลูกค้า โดยให้ความคาดหวังมีความสมดุลกับความพอใจ
1.3 ประเมนผลความพึงพอใจของลูกค้าเท่ากับความคาดหวังหรือไม่ ต้องปรับปรุงในเรื่อง
อะไร
1.4 สร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับองค์กร เพื่อให้องค์กรได้รับข้อมูล
ความต้องการที่ถูกต้อง โดยการจัดระบบการบริหารลูกค้าสัมพันธ์
1.5 สร้างระบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ให้ทั่วทั้งองค์กรร่วมตอบสนอง
ความต้องการของลูกค้า (พนักงานทุกคนมุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของลูกค้า)


2. บริหารงานอย่างเป็นผู้นำ (Leadership)



ผู้นำขององค์กรใช้หลักการบริหารอย่างเป็นผู้นำ เพื่อนำทางให้เพื่อนร่วมงานในองค์กรไปสู้เป้าหมายคุณภาพ ทั้งนี้ต้องคงไว้ซึ่งบรรยากาศการทำงานที่มีประสิทธิภาพด้วย แนวทางการบริหารงานอย่างเป็นผู้นำ ได้แก่
1. กำหนดวิสัยทัศน์ ให้ชัดเจนตรงตามความต้องการของลูกค้า
2. ตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย แล้วสร้างขวัญกำลังให้พนักงานมุ่งมั่นสู้เป้าหมาย
3. สร้างค่านิยมส่งเสริมคุณภาพในองค์กรด้วยการฝึกอบรม
4. สร้างคุณค่าการทำงานด้วยการส่งเสริมระบบความร่วมมือให้เกิดขึ้นภายในองค์กร
5. สร้างจริยธรรมที่ดีในการทำงานด้วยการเป็นแบบอย่างให้พนักงานเห็น
6. สร้างความเชื่อมั่นขจัดความกลัวและความไม่มั่นคงขององค์กร ด้วยการสร้างความสามัคคี และมีส่วนร่วมในการบริหารงาน
7. สร้างความสำเร็จด้วยการจัดทรัพยากรอย่างพอเพียง
8. สร้างความเข้าใจระหว่างพนักงานกับผู้บริหารด้วยระบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ


3. การมีส่วนร่วมของพนักงาน (Involvement of people)



สมาชิกทุกคนขององค์กรมีความสำคัญ ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้โดย
เปิดโอกาสให้พนักงานร่วมคิด ร่วมสร้างสรรค์ หรือร่วมปรับปรุงแก้ไขปัญหาการทำงาน มีแนวทางปฏิบัติดังนี้
3.1 องค์กรยอมรับความสามารถของพนักงานและบทบาทการมีส่วนร่วมของพนักงาน
3.2 พนักงานมีความตระหนักในความเป็นเจ้าขององค์กร
3.3 สร้างกิจกรรมให้พนักงานมีส่วนร่วม
3.4 สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในบทบาทการมีส่วนร่วมของพนักงาน
3.5 เปิดโอกาสให้พนักงานำได้เพิ่มพูนประสบการณ์ ความรู้ และทักษะ ทั้งจากภายในองค์กร และภายนอกองค์กร
3.6 ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของพนักงาน
3.7 ประเมินผลงาน โดยรวมเอาผลงานความคิดสร้างสรรค์ไว้ด้วยกัน

4. การบริหารโดยกระบวนการ (Process Approach to management)
กระบวนการประกอบด้วยปัจจัยนำเข้า กระบวานการดำเนินการ และผลลัพธ์จากจากการาดำเนินงาน กระบวนการบริหารงานคุณภาพในองค์กร ไ ด้แก่
4.1 ปัจจัยนำเข้า คือ ความต้องการของลูกค้า มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน วัดและประเมินตามข้อบ่งชี้ได้ นอกจากนี้ยังต้อง ให้ความสำคัญต่อปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ ด้วย
4.2 กระบวนการดำเนินงาน มีการออกแบบกระบวนการดำเนินงานทุกขั้นตอน ให้การดำเนินงานเป็นไปโดยราบรื่น ต่อเนื่อง มีระบบการควบาคุมงาน การฝึกอบรม อุปกรณ์ และวัตถุดิบอย่างเพียงพอ มีการวางแผนการดำเนินงาน โดยกำหนดความรับผิดชอบและหน้าที่อย่างชัดเจน
4.3 ผลลัพธ์จากการดำเนินงาน มีการประเมินผลลัพธ์ที่ได้ ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นและผลกระทบจากภายในและภายนอกขององค์กรที่ส่งผลต่อลูกค้า

5. การบริหารงานอย่างเป็นระบบ (System Approach to management)



การบริหาร ให้ระบบความสัมพันธ์เกิดประสิทธิภาพทำได้โดย
5.1 วางโครงสร้างขององค์กรให้เกิดระบบความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือ แบ่งแยกหน้าที่แต่มีความเกี่ยวข้อง
5.2 สร้างระบบความสัมพันธ์ โดยตั้งจุดประสงค์คุณภาพร่วมกัน
5.3 กำหนดวิธีการดำเนินงาน ให้เชื่อมโยงกันอย่างราบรื่น
5.4 การประเมินผลของฝ่ายและหน่วยงาน เป็นกาประเมินโดยมองการเชื่อมโยงระหว่างฝ่ายหรือหน่วยงาน
5.5 การปรับปรุงงานของฝ่ายและหน่วยงานต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อคุณภาพโดยรวมขององค์กร


6. การปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง (Continual Improvement)



การปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง คือ การสร้างมาตรฐาน่ให้เกิดขึ้น โดยการปฏิบัติดังนี้
6.1 กำหนดนโยบายการปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง
6.2 สร้างระบบการบริหารให้มีกระบวนการปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง
6.3 จัดการฝึกอบรมให้พนักงานทุกระดับ ใช้ระเบียบวิธี PDCA ในการปฏิบัติงานและดำเนินการปรับปรุงงานทันทีที่เห็นปัญหา หรือจุดบกพร่อง
6.4 จัดกิจกรรมและปัจจัยสนับสนุนการปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง
6.5 กระประเมินผลอย่างเป็นระบบ มีแผนการประเมิน มีเกณฑ์การประเมิน และมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน ย่อมทำให้พนักงานประจักร์ในความจำเป็นต้องปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง

7. ใช้ข้อเท็จจริงเป็นพื้นฐานของการตัดสินใจ



การตัดสินใจใดๆ ถ้าใช้ข้อมูลที่ถูกต้องและมีระบบการจัดเก็บที่เชื่อถือได้ เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และถ้าผ่านกระบวนการวิเคราห์มาแล้วอย่างเป็นระบบ ย่อมทำให้ การตัดสินใจ มีประสิทธิภาพ การใช้ข้อเท็จจริงเป็นพื้นฐานการตัดสินใจ ทำได้โดย
7.1 จัดให้มีการรวบรวม และเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ
7.2 ข้อมูลมีความถูกต้อง เชื่อถือได้และใหม่เสมอ
7.3 มีกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้หลักการทางสถิติ
7.4 เลือกใช้ข้อมูลได้อย่างเหมาะสมและตรงประเด็น
7.5 การตัดสินใจนอกจากจะให้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว ยังต้องใช้ประสบการณ์และการคาดการณ์ล่วงหน้าที่แม่นยำด้วย

8. สัมพันธภาพกับผู้ส่งมอบอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน




ผู้ส่งมอบหรือตัวแทนจำหน่ายมีความสัมพันธ์กับองค์กร โดยมีผลประโยชน์ร่วม
ร่วมกันดังนั้น สัมพันธภาพระหว่างองค์กรกับผู้ส่งมอบจึงต้องส่งเสริมให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันสร้างคุณภาพเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน แนวทางการสร้างสัมพันธ์ภาพกับผู้ส่งมอบพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันได้แก่
8.1 คัดเลือกผู้ส่งมอบที่มีประสิทธิภาพ
8.2 สร้างระบบความสัมพันธ์ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน
8.3 สร้างระบบการสื่อสาร หรือเครือข่ายการประสารงานที่มีประสิทธิภาพ
8.4 ติดต่อสัมพันธ์กันด้วยความสื่อสัตย์โปร่งใส
8.5 ให้ความจริงใจกับการพัฒนาระบบความสัมพันธ์ โดยเน้นการสร้างคุณภาพให้กับทั้ง 2 ฝ่าย



ขอขอบคุณ
https://www.gotoknow.org/posts/381912

สืบค้นเมื่อวันที่
22  พฤศจิกายน  2560


วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

    
คุณภาพ







       คุณภาพ (อ่านว่า คุน-นะ-พาบ) หมายถึง ลักษณะที่ดีเด่นของสิ่งใด ๆ   คุณภาพของสิ่งของอาจจะมองที่ลักษณะ ประโยชน์ใช้สอย ความทนทาน ความสวยงาม หรือประสิทธิภาพในการใช้งาน เช่น เราต้องพัฒนาสินค้าของเราให้มีคุณภาพ เพื่อแข่งขันกับสินค้าของผู้อื่นในตลาดโลก.  สินค้าหัตถกรรมของเรามีคุณภาพ จึงเป็นที่ต้องการ.



   ส่วนคุณภาพของคน อาจพิจารณาจากความรู้ ความสามารถในการทำงาน ความสามารถในการบริหารหรือในการแก้ปัญหา ตลอดจนคุณธรรมและจริยธรรมของบุคคลนั้น เช่น เราควรจัดการศึกษาที่เน้นการพัฒนาคุณภาพของเด็กไทย ให้เ ป็นคนที่มีความสามารถ มีความรู้ มีบุคลิกภาพ และมีคุณธรรม.
                  คุณภาพ หมายถึง การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพเป็นไปตามข้อกำหนดที่ต้องการ โดยสินค้าหรือบริการนั้นสามารถสร้างความพอใจให้กับลูกค้า และมีต้นทุนการดำเนินงานที่เหมาะสมได้เปรียบคู่แข่งขัน ลูกค้ามีความพึงพอใจ และยอมจ่ายตามราคาเพื่อซื้อความพอใจนั้น คุณภาพ หมายถึง การดำเนินงานให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่ต้องการ...




ลักษณะของคุณภาพ
คุณภาพตามความหมาย คือคุณลักษณะของสินค้าและบริการที่สนองต่อความพึงพอใจของบุคคลตามที่ต้องการ ดังนั้นคุณลักษณะของคุณภาพจึงแยกออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้

1.คุณภาพของผลิตภัณฑ์
คุณภาพของผลิตภัณฑ์ ก็คือการดำเนินงานอย่างเป็นระบบซึ่งเกี่ยวข้องกับการวางแผนและกิจกรรมต่างๆเพื่อให้ผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์มีคุณภาพตามที่กำหนด โดยสามารถพิจารณาคุณสมบัติสำคัญได้ 8 ด้าน ได้แก่
- สมรรถนะ
- ลักษณะเฉพาะ
- ความเชื่อถือได้
- ความสอดคล้องตามที่กำหนด
- ความทนทาน
- ความสามารถในการให้บริการ
- ความสวยงาม
- การรับรู้คุณภาพหรือชื่อเสียงของสินค้า

 การบริการอย่างมีคุณภาพ

1. การส่งมอบบริการ เป็นการพิจารณาที่จุดสัมผัสบริการ (Touch Point)ว่าในการให้บริการลูกค้าของบริษัทเรามีจุดสัมผัสบริการอะไรบ้าง เช่น เคาน์เตอร์ชำระเงิน พนักงานขาย แผ่นพับ ป้ายประกาศ พนักงานตอบข้อมูลทางโทรศัพท์ (Call Center)  เป็นต้น องค์กรต้องบริหารจุดสัมผัสบริการทุกจุดที่องค์กรมี ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่องค์กรต้องการส่งมอบให้แก้ลูกค้า

2. ความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย เป็นการกำหนดว่าลูกค้าที่เราให้บริการในธุรกิจนั้น ลูกค้ากลุ่มใดเป็นกลุ่มเป้าหมาย และความต้องการของลูกค้าเป้าหมายคืออะไร ซึ่งตามเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (TQA) ก็ให้ความสำคัญในการดำเนินการในเรื่อง"กำหนดลูกค้าเป้าหมาย"  ในหมวด 3 หัวข้อ 3.1 ก (1) ว่าองค์กรมีวิธีการอย่างไรในการจำแนกลูกค้า กลุ่มลูกค้าและส่วนตลาด โดยให้คะแนนสูงถึง 50 คะแนน

3. ธุรกิจอยู่รอด คือการให้บริการมิใช่เราให้บริการตามใจลูกค้าไปเสียทุกอย่าง แต่ต้องออกแบบบริการที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกพอใจ และตอบโจทย์ธุรกิจ คือ บริษัทมีกำไรหรืออยู่รอด




การแบ่งชนิดของคุณภาพก็คือระดับความเหมาะสมคุณภาพในการใช้งานและรูปร่างลักษณะ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่

1.คุณภาพที่บอกกล่าว (Stated quality)

หมายถึง คุณภาพที่กำหนดขึ้นระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขายระดับคุณภาพ จะถูกกำหนดขึ้นจากการคาดหมายของผู้ซื้อ โดยที่ผู้ผลิตจะทำหน้าที่ผลิตให้เป็นไปตามสัญญา


2.คุณภาพที่แท้จริง (Real quality)


หมายถึง คุณภาพที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่เริ่มผลิตจนกระทั่งสินค้าหมดอายุ ระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์จะมีคุณภาพสูงเพียงใด ขึ้นอยู่กับการผลิต ที่เริ่มตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ ตลอดจนกระบวนการผลิตจะต้องทำให้ดีที่สุด



3.คุณภาพที่โฆษณา (Advised quality)



หมายถึง คุณลักษณะต่างๆของผลิตภัณฑ์ที่ถูกกำหนดโดยผู้ผลิตหรือผู้ขาย เพื่ออ้างถึงสรรพคุณหรือ รับประกันคุณภาพให้กับลูกค้า ในเชิงการค้า








4.คุณภาพจากประสบการณ์ (Experienced quality)

หมายถึงคุณภาพที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ของผู้ใช้สินค้าเอง คุณภาพจะดีไม่ดีอย่างไร ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ หากผู้ใช้นำไปใช้ได้ผลดี ก็จะบอกว่าสินค้านั้นดี หากไม่ดี ก็จะบอกว่าสินค้านั้นไม่ดีสำหรับคุณภาพ องค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เกิดคุณภาพก็คือ คน เครื่องจักร และวัตถุดิบ หากส่วนประกอบทั้ง มีคุณภาพ ไม่บกพร่องและไม่มีความผันแปรก็จะทำให้กระบวนการต่างๆมีประสิทธิภาพดังนั้นการควบคุมควาผันแปรด้วยการเลือกบุคคลที่มีคุณภาพมีทักษะความรู้เครื่องจักรทันสมัย และวัตถุดิบที่นำมาใช้นั้นดีก็จะส่งผลถึง  การมีคุณภาพด้วย                                  


ขอขอบคุณ

https://www.im2market.com/2017/11/05/4642
www.im2market.com/2017/11/05/4642

สืบค้นเมื่อวันที่

15 พฤศจิกายน 2560


                การจัดการงานอาชีพ การจัดการ หรือ Management หมายถึงกระบวนการทำงานหรือกิจกรรมที่กลุ่มบุคคลในองค์กรร่วม...